วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อนาถ ! ปัญหาพ่อแม่วัยรุ่นไร้คนเหลียวแล


อนาถ ! ปัญหาพ่อแม่วัยรุ่นไร้คนเหลียวแล “กุมารแพทย์”เผยเด็กที่เกิดเสี่ยงพิการ รุนแรงอาจถึงตาย แนะต้องให้ความรู้กับคุณแม่มือใหม่ “บ้านพญาไท”เผยยอดเด็กถูกทิ้งเพิ่มรายวัน ด้านศึกษาธิการย้ำโรงเรียนไม่มีกฎไล่เด็กตั้งครรภ์ออกจากโรงเรียน

จากกรณีที่หนังสือพิมพ์หอข่าวปีที่ 18 ฉบับที่1 ประจำวันที่ 11-17 มกราคม 2553ได้นำเสนอเรื่องการตั้งครรภ์ของนักเรียนนักศึกษาในปัจจุบันว่ามีปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ อีกทั้งเด็กที่เกิดจากพ่อแม่วัยเรียนบางรายมีความผิดปกติทางร่างกาย ขณะที่บางรายมีอาการพิการทางสมอง ต่อกรณีนี้ผู้สื่อข่าวหอข่าว จึงได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจข้อมูล และสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้อง

หมอเด็กเตือนแม่อายุน้อยลูกเสี่ยงชีวิต


เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2553 ผศ.พญ.บุญยิ่ง มานะบริบูรณ์ กุมารแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเปิดเผย กรณีวัยรุ่นตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรว่ามีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ได้สูง เช่น เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ,รกลอกตัวก่อนกำหนด,แท้งบุตร ส่วนทารกในครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้เช่นกันคือ น้ำหนักตัวน้อย คลอดก่อนกำหนด เกิดความพิการทางร่างกาย การเจริญเติบโตและพัฒนาการช้ากว่าปรกติอาจมีปัญหาทางด้านจิตใจและพฤติกรรมตามมา


ผศ.พญ.บุญยิ่งกล่าวว่า มารดาที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปีพบอัตราการเสียชีวิตของเด็กขณะคลอดสูงกว่าหญิงตั้งครรภ์ที่อายุมากกว่า 20 ปีถึง 5 เท่าขณะเดียวกันเด็กที่คลอดจากมารดาที่อายุน้อยกว่า 18 ปี มีอัตราการเสียชีวิตก่อนขวบปีแรกสูงกว่าเด็กที่คลอดจากมารดาอายุ 19 ปีขึ้นไปถึง 60%
กุมารแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัยรุ่นกล่าวต่อว่า ปัจจุบันยังไม่มีองค์กรหรือหน่วยงานใดของรัฐให้คำปรึกษาในการดูแลหญิงตั้งครรภ์วัยรุ่นโดยเฉพาะ ดังนั้นคำแนะนำส่วนใหญ่จะเหมือนกับหญิงตั้งครรภ์ทั่วไปได้แก่ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารจำพวกโปรตีนธาตุเหล็ก แคลเซียมและพักผ่อนให้เพียงพอ ตนคิดว่าต้องให้ความรู้แก่แม่วัยใสให้มีความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพของตนเองและบุตร รวมทั้งให้คำปรึกษาเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงเช่น การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ เที่ยวกลางคืนและปลูกฝังให้มีทักษะในการเลี้ยงดูบุตรหลังการคลอด ส่งเสริมให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นหลัก เพื่อสุขภาพร่างกายของเด็กและเป็นการปลูกฝังให้มีความสัมพันธ์แม่ลูก


“ การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นส่วนใหญ่เป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมหรือไม่ได้วางแผนไว้ก่อน จึงไม่ได้มาฝากครรภ์ มักจะมาโรงพยาบาลเมื่อจะคลอดแล้ว ดังนั้นคำแนะนำสำหรับวัยรุ่นเพื่อให้มีการตั้งครรภ์คุณภาพ คือควรมาฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อรับการดูแลและคำแนะนำในการดูแลตนเองจากแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ” ผศ.พญ.บุญยิ่งกล่าว


กุมารแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัยรุ่นกล่าวทิ้งท้ายว่า การหลีกเลี่ยงมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้และควรให้ความรู้ คำปรึกษาแนะนำเรื่องเพศศึกษาอย่าปิดกั้น ควรเปิดสอนเรื่องเพศอย่างจริงจังและเปิดเผย อธิบายให้วัยรุ่นเห็นคุณค่าของการคุมกำเนิดและสวมถุงยางอนามัยเพราะจะช่วยในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ปัจจุบันยัง ไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าการให้ความรู้เรื่องเพศแก่วัยรุ่นจะมีผลให้วัยรุ่น มีเพศสัมพันธ์มากขึ้นแต่อย่างใด


ผอ.บ้านพญาไทระบุเด็กถูกทิ้งเพิ่มทุกวัน


ด้านนางสาวน้ำค้าง คันธรักษ์ ผู้อำนวยการสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไทเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากสถิติของทางสถานสงเคราะห์จำนวนเด็กที่อยู่ในสถานสงเคราะห์มีสาหตุมาจาก 1.ครอบครัวยากจน ไม่พร้อมเลี้ยงดู บิดามารดาหย่าร้าง 2.ทอดทิ้งหลังคลอด แม่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ แม่อยู่ในวัยเรียน 3.บิดามารดาต้องโทษทางอาญา 4.บิดามารดาอยู่ในสถานสงเคราะห์หรือบุคคลในครอบครัวเลี้ยงดูไม่เหมาะสม


ผู้อำนวยการบ้านเด็กอ่อนพญาไทกล่าวต่อว่า จากสถิติชี้ให้เห็นว่าปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์ในวัยเรียนเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพราะจำนวนเด็กกำพร้าเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งอนาคตของชาติไม่สมควรต้องมาอยู่ในสถานสงเคราะห์ทุกคนสมควรมีบ้านมีครอบครัว จากที่ตนได้เข้าไปคลุกคลีกับเด็กที่เติบโตมาจากสถานสงเคราะห์จะเห็นได้ว่าเด็กเหล่านั้นเข้มแข็งและอดทนไม่เคยถามถึงพ่อและแม่ที่แท้จริงแม้แต่ครั้งเดียว



“ เด็กที่อยู่ที่นี่ก็เปรียบเสมือนกับผ้าสีขาว เราจะเติมจะแต้มสีอะไรให้เด็กมันก็ไม่รู้เรื่องหรอก อยู่ที่เราจะเลือกเติมสีอะไรให้กับเขา เด็กๆน่าสงสารเกิดมาไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรก็ต้องมารับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ”นางสาวน้ำค้างกล่าว


ศธ.เผยไม่มีไล่ออกแถมมีที่รองรับนร.ท้อง


นาย ปัญญา ประเสริฐศรี นิติกรชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มกฎหมายการศึกษาสำนักนิติการ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ในกรณีที่นักเรียน นักศึกษาตั้งครรภ์ในวัยเรียนว่า หลายคนมองว่า เมื่อเกิดการตั้งครรภ์ในขณะศึกษาอยู่ จะต้องมีบทลงโทษโดยการไล่ออก หรือพักการศึกษาแต่แท้ที่จริงแล้วในตัวบทกฎหมายหรือระเบียบของทางกระทรวงศึกษาธิการ ไม่มีกฎระเบียบข้อใด ระบุการลงโทษในกรณีลักษณะนี้ โดยเฉพาะในระดับประถมศึกษามัธยมศึกษาทั้งต้นปลาย จะไม่มีการลงโทษโดยการไล่ออกหรือพักการศึกษาเด็ดขาด เพราะจะทำให้เด็กเสียสิทธิในการศึกษา


นิติกรชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มกฏหมายการศึกษาสำนักนิติการสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการกล่าวต่อไปว่า ทุกคนเห็นว่าเมื่อเกิดการตั้งครรภ์ในวัยเรียน จะต้องลงเอยโดยการถูกไล่ออกจากสถาบันการศึกษานั้นๆ แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะตัวของเด็กเองไม่กล้ามาเรียน เพราะอับอายเพื่อนๆและคนรอบข้าง หรือถูกคนอื่นมองด้วยสายตารังเกียจเหยียดหยามและคิดว่าถึงไปเรียนก็ต้องโดนไล่ออกอยู่ดี จึงตัดสินใจไม่ยอมไปเรียนตามปกติ ทำให้เกิดปัญหา สังคมไทยยังไม่เปิดรับตรงนี้มากพอทำให้เด็กเกิดปมด้อยไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนในสังคม


นายปัญญากล่าวอีกว่า ยังมีทางออกสำหรับคนกลุ่มนี้ที่ไม่กล้าไปเรียนที่สถานศึกษาตามปกติ คือมีสถานศึกษาแห่งหนึ่งและแห่งแรกของประเทศไทยที่เปิดรับนักเรียนที่ตั้งครรภ์ในวัยเรียนหรือมีปัญหามาจากที่อื่นคือ โรงเรียนหนองชุมแสงวิทยา(น.ส.ว.) ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี โดยเปิดรับนักเรียนทั่วประเทศที่มีปัญหามาจากสถาบันเก่า


อาจารย์ร.ร.หนองชุมแสงย้ำให้โอกาสทุกคน


ทางด้านนางวิไลพร ดำสะอาด หัวหน้าโครงการพิเศษ “ น.ส.ว. ขอโอกาส ” ประจำโรงเรียนหนองชุมแสงวิทยากล่าวว่า แรกเริ่มนั้นทางโรงเรียนได้เปิดรับเฉพาะนักเรียนของโรงเรียนหนองชุมแสงเท่านั้นแต่เมื่อมีการพูดปากต่อปากก็เริ่มมีนักเรียนที่ตั้งท้องและประสบปัญหาอื่นๆมาจากต่างจังหวัดเข้ามาสมัครเรียนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆโดยส่วนใหญ่จะมาจากกรุงเทพมหานครทางโรงเรียนก็จะรับไว้และให้โอกาสกับทุกคนที่อยากแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด มีทั้งดาราชื่อดัง นายแบบ นางแบบ แต่ตนไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้


นางวิไลพรเปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดโครงการในปี 2544 เป็นต้นมามีนักเรียนมาสมัครเรียนทั้งสิ้น 2,435 คนโดยสำเร็จการศึกษาแล้วกว่า 2,000 คน โดยทางโรงเรียนไม่มีนโยบายในการประชาสัมพันธ์ไม่ว่าทางใดก็ตามเพราะมองว่าโครงการนี้มีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดีหากทำการประชาสัมพันธ์ออกไปอาจจะกลายเป็นดาบสองคม


“ หากพูดถึงมาตรฐานความรู้ทางวิชาการเราอาจมีไม่ถึงเกณฑ์สำหรับนักเรียนเหล่านี้เพราะเรามีบุคลากรไม่เพียงพอแต่การสอนของเราเปรียบเสมือนการหาปลาเราไม่ได้มุ่งเน้นการหาปลามาป้อนกับนักเรียนแต่ครูจะสอนวิธีการหาปลาให้กับนักเรียนทุกคน ” หัวหน้าโครงการ นสว.ขอโอกาส กล่าวทิ้งท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น