วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รุกฆาต : จากลานมะพร้าว สู่ กูเกิ้ลจีน

รุกฆาตฉบับนี้เชิญทุกท่านร่วมจินตนาการ ว่าท่านคือวิหค ผู้มีอิสรภาพในการโบยบิน บนท้องฟ้ากว้าง ท่านกลืนกินความเสรี ประหนึ่งเสพทิพยอาหาร แล้วพลันท่านกลับโดนกระสุนแห่งอำนาจนิยม เจาะทะลุปีกเสรี แล้วร่างท่านก็ถูกพันธนาการในกรงเหล็ก ที่เกรอะกรังไปด้วยสนิมแห่งความต่ำช้าทางภูมิปัญญา


เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา มีหัวข้อหนึ่งที่น่าติดตามบน Twitter ของผู้ใช้ท่านหนึ่ง นั่นคือคุณ@dr_mana ที่ประกาศข้อความว่า “ …ขอประนามการคุมคามเสรีภาพการนำเสนอข่าวของนสพ.ฝึกปฏิบัติ"ลานมะพร้าว"และที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ…”


เมื่อติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม จึงทราบถึงความขัดแย้งระหว่างหนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติ กับผู้บริหารมหาวิทยาลัย กล่าวคือหลังจากนสพ.ลานมะพร้าวฉบับกำแพงนิวส์ ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2552 ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติของนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เสนอข่าวผลการหยั่งเสียงในมหาวิทยาลัยถึงคะแนนนิยมต่อผู้ที่จะเป็นอธิบการบดีคนใหม่


หลังเสนอข่าวปรากฎว่ามีผู้บริหารของมหาวิทยาลัย และเป็นหนึ่งในกรรมการสรรหาอธิการบดี ได้สั่งเรียกเก็บหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว และขู่ว่าจะเสนอสภามหาวิทยาลัย เพื่อสั่งปิดหนังสือพิมพ์ และจะสอบวินัยอาจารย์ที่ปรึกษา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการการเหยียบย่ำ เสรีภาพนิยม( Libertarianism ) โดยอำนาจนิยม(Authoritarianism )


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของประวัติศาสตร์ หนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติประเทศไทย ก่อนหน้านี้หลายคนคงมีโอกาส ได้ติดตามกรณีที่คล้ายคลึงกันของหนังสือพิมพ์ จันเกษมโพสต์ และอีกหลายฉบับในหลายมหาวิทยาลัย ที่โดนถางความคิดที่มีอิสรภาพ จนโล่งเตียน


เป็นการกระทำที่ยากจะยอมรับได้ในประเทศที่ได้ชื่อว่าปกครองตามแบบประชาธิปไตย อย่างไทยเรา ทำให้ย้อนคิดถึงวาทกรรมของวีรบุรุษนักข่าวไทย กุหลาบ สายประดิษฐ์ ที่ว่า

“ ...ถ้าหนังสือพิมพ์ต้องสูญเสียเสรีภาพไปแล้ว เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนก็พลอยสั่นสะเทือนไปด้วยกัน... ”

หากวันนี้แม้เพียง กิจกรรมฝึกปฏิบัติ ของนักศึกษา ยังถูกจำกัดความคิดด้วยกรอบอำนาจแล้ว วันหน้าเมื่อนักศึกษาก้าวสู่สนามแห่งสื่อจริง คงเป็นสื่อพิการ ง่อยเปรี้ยทางความคิด วิปริตทางภูมิปัญญา จากสังคมอุดมปัญญา คงเป็นได้แค่สังคมอุดมปัญหา

หากมองเหตุการณ์กันแบบผู้ไม่รู้ร้อนหนาวทางอุดมการณ์ เรื่องราวหล่านี้ ก็เป็นแค่เรื่องของเด็กดื้อ ที่หาญกล้าเถียงผู้ใหญ่ ผลคือผู้ใหญ่ก็ขู่จะลงหวาย รึร้ายกว่านั้นก็ลงมีดเฉือนให้เห็นรอย วันหลังจะได้หลาบจำ
ถ้ามองเรื่องดังกล่าวอย่างที่ว่าข้างต้น อนาคตไทยคงเป็นโรคแผลเบาหวาน ลงเอยที่เน่าลามจนเป็นประเทศติดเชื้อแบบถาวร ไม่วายคงเข้ารูปแบบเหตุการณ์ “ กูเกิ้ลจีน ”

เหตุการณ์ที่เว็บไซด์กูเกิ้ล(Google) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการในการค้นหาข้อมูลบนโลกอินเตอร์เน็ต และได้รับความนิยมที่สุดในโลก หลังถูกรัฐบาลจีน คัดกรองการนำเสนอข้อมูลจนขาดเสรีภาพ ซ้ำร้ายอีเมลที่ให้บริการโดย กูเกิ้ล หรือ จีเมล(Gmail) ของนักสิทธิมนุษยชน ก็โดนล้วงข้อมูล
เหตุการณ์นี้ เมื่อจับมาเปรียบกับเหตุการณ์ หนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัตินักศึกษาในบ้านเรา มันมีประเด็นที่น่าสนใจ สองประการคือ

ประการแรกประเทศจีนปกครองภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ แต่ประเทศไทย ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่พฤติกรรมการใช้อำนาจ เพื่อควบคุมเสรีสื่อ กลับมีเหมือนกัน แม้ในไทยอาจเป็นแค่หนังสือพิมพ์นักศึกษา แต่ใช่ว่าหนังสือพิมพ์ระดับชาติจะไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ มันคือการลุกลาม ของอำนาจนิยม สู่สถาบันการศึกษาต่างหาก

ในอดีตการพัฒนาของการเมืองไทยเคยเริ่มต้นจากแนวคิดปัญญาชนในสถาบันการศึกษาและมีนักศึกษาเป็นผู้ขับเคลื่อน สู่การเมืองระดับชาติ หรือเหตุการณ์นี้จะเป็นการหมุนย้อนกลับของการเมืองไทย เป็นการย้อนสู่ความล้าหลังที่มีจุดเริ่มต้นจากสถาบันการศึกษาเหมือนเมื่อวันวาน...

ประการที่สอง อยากให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งสองเหตุการณ์ พิจารณาพฤติกรรมของตน โดยยึดหลักของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อที่ 19 ที่ว่า “ บุคคลมีสิทธิในเสรีภาพแห่งความเห็นและการแสดงออก สิทธินี้รวมถึงเสรีภาพที่จะยึดมั่นในความเห็นโดยปราศจากการแทรกสอดและที่จะแสวงหารับ ตลอดจนแจ้งข่าว รวมทั้งความคิดเห็นโดยผ่านสื่อใดๆ และโดยมิต้องคำนึงถึงเขตแดน ”

ที่ยกปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน มากล่าวอ้าง ใช่ว่าจะเพื่อการเรียกร้องเพื่อแข่งเสียงคลื่นทะเล แต่เพื่อให้ผู้ที่กำลังฝืนแนวคิดปฏิญญาข้อนี้ สำเหนียกไว้เสมอว่า สิ่งที่ดำเนินอยู่ มันเป็นหนทางสู่ความล้าหลังและกำลังจะนำแนวคิดประเทศของท่านสู่วิถีที่สวนทางความเป็นสากลนิยม

แม้เรื่องราวทั้งหมด อาจยังเดินทางไปไม่ถึงตอนจบของเหตุการณ์ แต่เราก็ได้เรียนรู้แล้วว่า ความเสื่อมถอยใดไหนจะเท่าความเสื่อมคุณธรรมของผู้มีอำนาจ

แม้นวัตกรรมทางการสื่อสาร จะก้าวหน้าจนมิอาจยั้งรอผู้เดินบนวิถีแห่งอคติ แต่ขอให้ท่านเหล่านั้นจงตระหนักถึงประโยชน์ของส่วนรวมให้เหนืออื่นใดเถิด ก่อนที่ประวัติศาสตร์จะจารึกว่าท่านคือหนึ่งในฟันเฟืองแห่งแนวคิดทรราช

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น