วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เรือริมทาง...


เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว เราจะย้อมสีอะไรลงไปก็ง่าย ครอบครัวแต่ละครอบครัวอบรมเลี้ยงดูลูก ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อแม่จะปลูกฝังสิ่งที่ถูกต้องให้ลูกเสมอ แต่ในเมื่อผ้าขาวนั้นได้ถูกเปลี่ยนสีไป เราจะช่วยสังคมนี้อย่างไร

สังคมที่ไม่ยอมรับเด็กที่มีปัญหาและปล่อยให้เป็นเหมือน “ขยะสังคม” อาจเป็นการปิดกั้นโอกาสกำลังของชาติ ซึ่งในสักวันหนึ่งขยะสังคม มีส่วนพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าก็ได้

เด็กมีปัญหาไม่ใช่แค่ครอบครัวเพียงอย่างเดียว แต่สภาพแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญ การชักจูงของเพื่อน สังคมที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา เด็กที่ถูกเลี้ยงมาเป็นย่างดี เมื่อถูกแนะนำไปในทางที่ไม่ดีก็ทำให้เสียคนได้เช่นกัน
การปลูกฝังให้เด็กมีความเข็มแข็งอยู่รอดในสังคมอย่างไม่หวาดกลัวเป็นสิ่งที่ พ่อ แม่ควรกระทำ ปัจจุบันโลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เกิดวิวัฒนาการใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา คนในสังคมที่อยู่ร่วมโลกเดียวกัน มีจิตใจโหดเหี้ยมเกินกว่าเด็กไร้เดียงสาจะรู้เท่าทันและอาจโดนหลอกได้

จุดเริ่มต้น ของความผิดพลาด

เด็กน้อยตากลม นอนอยู่บนเปล ถือขวดนมช่างเป็นภาพที่น่ารัก มีเสียงพ่อที่ยังหนุ่มกล่อมอยู่ข้างๆเปล ร้องเพลงที่ตอนเราเด็กๆก็เคยได้ยิน “แมวเอย แมวเหมียวรูปร่างปราดเปรียวเป็นหนักหนา ร้องเรียก เหมียวเหมียว ประเดี๋ยวก็มา เข้าแข้งเข้าขาน่าเอ็นดู” เป็นเสียงเพลงที่ไพเราะ จะนานสักแค่ไหนเพลงนี้ก็ไม่เคยล้าสมัย


แต่มีคำถามหนึ่งอยู่ในใจเราเมื่อพบกับคุณพ่อคนนี้ คือทำไมคุณพ่อยังดูเด็ก แล้วเด็กที่คุณพ่อกล่อมจนหลับมีอายุเท่าไร มีคำถามมากมายที่อยากจะถามคุณพ่อคนนี้ แต่ผมจะเริ่มคำถามไหนดีละ ผมจึงพูดคุยกับคุณพ่อคนนี้ ด้วยการถามคำถามแรกว่าลูกคุณน่ารักดีนะครับ เราตีสนิทและพูดคุยกันอย่างถูกคอ


นับจากการพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ทำให้เราได้รู้ว่า การเป็นพ่อเด็กนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนจะเริ่มการเป็นพ่อเด็กต้องเตรียมตัวในการเป็นพ่อที่ดี และมีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น ต้องดูแลปกป้องครอบครัวให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆที่ย่างก้าวเข้ามา และต้องการปลูกฝังให้ลูกเป็นคนดี


ผมมีโอกาสพูดคุยกับคุณพ่อลูกอ่อนคนนี้เป็นการส่วนตัว เด็กหนุ่มร่างผอมสูง ตัดผมแนวเกาหลีทันสมัย เปิดใจเล่าถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต


“เด็กผู้ชายคนหนึ่งใช้ชีวิตปกติเหมือนวัยรุ่นทั่วไปจนอายุได้ 19 ปี แล้วก็เกิดการทำผิดพลาดครั้งใหญ่” เป็นเสียงของคุณพ่อวัยรุ่นคนนี้ที่ได้พูดคุยถึงชีวิตของเขาที่มีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย และคุณพ่อวัยรุ่นคนนี้มีชื่อเล่นว่า “บอย”


บอยเล่าว่า บอยรักสนุกจนไม่ได้ป้องกันอะไรเลย แต่ไม่ใช่ว่าบอยจะมีอะไรกับผู้หญิงโดยไม่ป้องกัน เพียงแต่มีอยู่ครั้งหนึ่งซึ่งบอยไม่ได้ป้องกัน

แฟนของบอยคบกับบอยมานานพอสมควร จนเกิดความไว้ใจกัน และในวันนั้นไม่ได้ป้องกัน จนผลที่ตามมา คือ แฟนของบอยท้อง

สิ่งแรกที่บอยทำคือ ต้องรับผิดชอบทุกอย่างที่ทำ ซึ่งในตอนแรกบอยคิดแก้ปัญหาโดยการเอาเด็กออกเหมือนกัน แต่เมื่อมาคิดอีกที เมื่อเป็นคนสร้างปัญหาขึ้นมา ต้องหาทางออกที่ดีกว่านี้ให้ได้
ในที่สุดบอยเอาเด็กไว้ จนทุกวันนี้ลูกของบอยอายุ 1 ขวบกว่าๆ แล้ว ทำให้บอยมีความรับผิดชอบมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

ทุกวันนี้บอยต้องเรียนไปด้วย เลี้ยงลูกด้วย ชีวิตของบอยเปลี่ยนไปจากเดิมมาก สิ่งที่บอยเคยทำคือ ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวกลางคืน ติดเพื่อน ทุกวันนี้สิ่งเหล่านั้นบอยเบาลงไปมาก

บอยตัดทุกๆอย่างเพื่อลูกของบอยได้ บอยคิดว่าที่ทำได้ทุกวันนี้ เพราะมีตัวอย่างที่ดีให้บอยดูนั่นคือ พ่อ แม่ ของบอยเอง ท่านทั้งสองมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวสูงมาก เพราะต้องเลี้ยงลูกถึง 5 คน ซึ่งบอยเป็นลูกคนโต ท่านทำหน้าที่เป็นเสาหลัก ของครอบครัวได้ดีมาก

เมื่อก่อนแม่บอยติดการพนัน ส่วนพ่อดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แต่เมื่อท่านมีลูกแล้ว ท่านสามารถตัดสิ่งเหล่านั้นไปจากชีวิตได้และไม่หันกลับไปแตะต้องมันอีกเลย

สิ่งนี้อาจเป็นสิ่งที่บอยได้รับจากพ่อแม่ก็ได้ บอยจึงมีความรับผิดชอบมากขึ้นกว่าเดิมมาก และบอยก็ถือคติที่ว่าต้องเลี้ยงลูกของบอยให้โตเป็นคนดีให้ได้..

แหละนั่นเป็นความในใจส่วนหนึ่งของคุณพ่อวัยเยาว์ ผู้กำลังเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย เหมือนเช่นพ่อแม่วัยละอ่อนอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในระดับมหาวิทยาลัย และมัธยมศึกษา

"..เมื่อเราตกลงใจเอาลูกไว้ ผมกับแฟนเดินเข้าไปกราบขอโทษพ่อแม่ของพวกเรา พร้อมทั้งเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมด ท่านร้องไห้เสียใจ แต่โชคดีมากที่ท่านเตือนสติไม่ให้เราคิดสั้นทำผิดพลาดครั้งสอง ท่านให้กำลังใจในการเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดี..

"แฟนผมตัดสินใจดรอปพักการเรียนไว้ ตอนแรกผมจะลาออกไปหางานทำ แต่เธอขอให้ผมเรียนจบก่อน ตอนนี้เหลืออีกแค่ 2 ปีเท่านั้น ผมตั้งใจว่าถ้าเรียนจบหางานทำจะให้แฟนผมกลับมาเรียนใหม่ให้จบเหมือนกัน.."

กรณีของหญิงตั้งครรภ์ในวัยเรียน ส่วนใหญ่ถ้าตัดสินใจไม่ทำแท้งก็มักจะลาออก หรือแค่หยุดพักการเรียนเป็นการชั่วคราว เหตุผลส่วนหนึ่งนอกจากอับอายเพื่อนฝูงแล้ว ก็เป็นเพราะสถาบันการศึกษาของไทยส่วนใหญ่ไม่เปิดโอกาสให้เด็กนักเรียน นักศึกษาอุ้มท้องโย้มาเรียนหนังสือ ในขณะที่ฝ่ายชายสามารถไปเรียนได้ตามปกติ


แต่ในปัจจุบันมีโครงการ หนองชุมแสงวิทยา ขอโอกาส หนึ่งเดียวในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นช่วยเหลือนักเรียนที่ไม่สามารถเรียนได้ ซึ่งทางโรงเรียนหนองชุมแสงเป็นหนึ่งเดียวที่อนุญาตให้นักเรียนที่อุ้มท้องมาเรียนได้ตามปกติ


โรงเรียนเด็กเหลือขอ

ก้าวแรกที่เข้าสู่โรงเรียนหนองชุมแสงวิทยา ณ 318 หมู่ 4 ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเปรียบเหมือนบ้านหลังใหม่ของเยาวชน ชาย หญิง ที่เคยก้าวผิดพลาดในชีวิต โดยใช้หลักความเข้าใจพื้นฐานความเป็นมนุษย์มาเยียวยารักษาและปูพื้นฐานจิตใจให้แข็งแรงพร้อมสร้างชีวิตใหม่ของวัยรุ่นที่ก้าวพลาดให้เดินในทางที่ถูกต้อง


“หนองชุมแสงวิทยา ไม่ใช่แค่โรงเรียน แต่เป็นการเรียนการสอนที่โรงเรียนอื่นไม่มี”
โรงเรียนหนองชุมแสงวิทยาเป็นทางเลือกใหม่แทนการศึกษานอกโรงเรียนของวัยรุ่นที่บังเอิญใช้ชีวิต “ผิดช่วงเวลา” จนเป็นเหตุให้ต้องสูญเสียโอกาสทางการเรียนชั่วคราว ฉะนั้นโรงเรียนหนองชุมแสงวิทยาจึงไม่เหมือนโรงเรียนทั่วไป มีหลักสูตรการสอนที่เน้นความสนใจของเด็กเป็นหลัก


โรงเรียนแห่งนี้ถูกออกแบบมาด้วยความรัก ความเข้าใจและไร้ซึ่งการดูถูกเหยียดหยาม มีแต่การดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน การได้รับความอบอุ่นนอกเหนือจากการเรียนมีค่ามากกว่าสิ่งใด สิ่งที่พบเห็นครั้งแรกเมื่อได้เดินเข้าไป คือ รอยยิ้มของความหวังดี ที่แสนอบอุ่นและเป็นรอยยิ้มที่มีแต่ให้ การต้อนรับที่เป็นกันเอง และไม่แสดงกิริยาท่าทางรังเกียจผู้ที่จะเข้ามาเยี่ยมเยียนทำให้มีความสุขที่ได้รู้จักโรงเรียนแห่งนี้


นายไมตรี ศรีสกุลไทย ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองชุมแสงวิทยา ชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และสร้างโอกาสที่หายไปจากเด็กเหล่านั้นให้กลับคืนมาอีกครั้ง


“ครูเป็นเหมือนเรือจ้าง เจอคนที่ตกมาจากเรือลำอื่นในฐานะ “เรือจ้าง” ซึ่งเห็นเด็กว่ายน้ำอยู่และต้องการความช่วยเหลือ เรือก็ต้องช่วยให้คนเหล่านั้นข้ามฝั่งไปให้ได้ ส่วนการเรียนการสอนนั้นเน้นให้เด็กจบไปดำรงชีวิตได้มากกว่าความเป็นเลิศทางวิชาการ”


ป้ายข้างฝาผนังถูกติดด้วยภาพถ่ายกิจกรรมต่างๆ แต่มีภาพหนึ่งที่สะดุดความสนใจ คือ เยาวชนอาสา การศึกษานอกโรงเรียน สีหน้าท่าทางของเด็กต่างสนุกสนานกับการทำกิจกรรมอาสา ที่เปี่ยมไปด้วยความสุข การทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนที่ให้เด็กเข้ามามีส่วนร่วมเป็นการสอนให้เด็กมีความสามัคคี รักชุมชน และสังคม


โรงเรียนหนองชุมแสงวิทยา ได้จัดทำโครงการหนึ่งคือโครงการ น.ส.ว. ขอโอกาส เป็นการจัดโครงการโดยการนำเอาพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาดำเนินจัดการเรียนการสอน ลักษณะเด่นของโครงการ น.ส.ว.ขอโอกาส คือ เลือกมุ่งเน้นให้โอกาสแก่ทุกคนในทุกปัญหาที่เน้นความต้องการของผู้เรียน เริ่มตั้งแต่เขียนใบสมัคร ใบมอบตัว ข้อมูลของผู้สมัคร หลังจากนั้นต้องทำสัญญาการเป็นนักเรียน ที่สำคัญต้องมีคุณพ่อ คุณแม่หรือผู้ปกครองตัวจริงมายืนยันการเข้าเรียน


ปัจจุบันโรงเรียนเปิดสอนม.1-6 และระดับ ปวช. ซึ่งเป็นโรงเรียนเดียวในปัจจุบันที่เปิดรับเด็กมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเด็กตั้งครรภ์ เด็กเกเร มีปัญหาทางครอบครัว และเด็กที่มีเพศสัมพันธ์แล้วอยู่ด้วยกันเป็นคู่ตามบ้านเช่า โดยเด็กเหล่านี้ถูกผลักดันให้ออกจากโรงเรียน


ปัญหาที่สำคัญของเด็กเหล่านี้ คือ การขาด “กำลังใจ” เนื่องจากครูจากโรงเรียนอื่นมาดูงานกว่า 20 โรงเรียน ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจแล้วมาพูดให้นักเรียนเสียกำลังใจ และมองว่าไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องทำ เพราะสอนปกติก็ไม่มีเวลาอยู่แล้ว โดยเฉพาะโรงเรียนที่ตั้งเป้าหมายว่าจะเน้นเป็นเลิศทางวิชาการ ที่ผ่านมานักเรียนที่จบไปแล้วกว่า 200 คนส่วนใหญ่เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย


นางวิไลพร ดำสะอาด หัวหน้าโครงการพิเศษ น.ส.ว. ขอโอกาส เผยถึงปัญหาสูงสุดที่พบว่า ปัญหา ชู้สาว ตั้งครรภ์ ทะเลาะวิวาท วิ่งราว ปัญหาความอยู่รอด เด็กเที่ยว เป็นหน้าที่ช่วยเหลือคนที่มีปัญหาให้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น คือ อุดมการณ์ครูผู้สอน


ตรงประเด็นนี้ กระทรวงศึกษาธิการน่าจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างรอบด้าน เพราะในหลายๆประเทศมีมาตรการช่วยเหลือพ่อแม่วัยเยาว์กลุ่มนี้ แต่ของไทยการบริหารจัดการ ให้ความรู้ ให้ความช่วยเหลือของภาครัฐ และองค์กรพัฒนาเอกชนยังมีอยู่น้อย


แม้ทางภาครัฐเริ่มส่งเสริมความรู้ในเรื่องเพศศึกษา ทั้งในด้านคุมกำเนิด รวมถึงการให้แง่คิด การใช้ชีวิตของวัยรุ่นยุคใหม่ อย่างในต่างประเทศมีการแจกถุงยางอนามัย หรือยาคุมกำเนิด เพื่อให้วัยรุ่นมีความรู้ในเรื่องเพศศึกษามากขึ้น แม้แต่พ่อแม่ที่ผิดพลาด อาจให้กำเนิดลูกอ่อนอย่างไม่ได้ตั้งใจ จะมีการให้ความรู้ดูแลคุณแม่มือใหม่ตั้งแต่แรกครรภ์ จนถึงหลังคลอดเลยทีเดียว

หลังคลอดก็เช่นเดียวกัน ความรู้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัวรุ่นใหม่วัยทีน การเลี้ยงทารกวัยเยาว์มักต้องการที่ปรึกษาจากคนมีความรู้ เพราะถ้าปล่อยให้เลี้ยงดูตามลำพังกันเอง บางคนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ สิ่งสำคัญของพ่อแม่รุ่นใหม่ ตั้งสติให้ดีเข้าไว้ อย่ารีบเร่งจนตัดสินใจผิดพลาด สำหรับพ่อแม่ของวัยรุ่นท้องโย้ควรหันมาเข้าใจในตัวเด็กมากขึ้น พูดคุย แก้ปัญหา และช่วยเหลือถ่ายทอดความรู้ และจริยธรรม สิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนกำลังใจที่เยี่ยมยอดและแรงผลักดันที่ดีให้เขาสามารถเดินต่อไปได้ในอนาคต

บนถนนสายชีวิตที่ได้มอบบทเรียนราคาแพงครั้งสำคัญของชีวิตไว้ให้กับพวกเขาเหล่านนั้น จะมีสถานที่ใดในโลก ที่ให้โอกาสมนุษย์ด้วยความรัก ให้การศึกษาด้วยหัวใจพองโต ที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
หากเราเปรียบครูเสมือนเรือจ้าง โรงเรียนหนองชุมแสงวิทยา ก็คงเปรียบได้กับ “เรือริมทาง” ที่จอดรับเยาวชนที่เดินทางผิด กำลังจะจมน้ำตายให้รอดจากชะตากรรมเลวร้าย และได้มีชีวิตใหม่ที่สดใสสวยงามอีกครั้งหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น